31 บทเรียนชีวิต
วันนี้ผมเข้าวัย 31 แล้ว อันนี้เป็น 31 บทเรียนชีวิตที่ผมได้เรียนรู้จาก 31 ปีที่อยู่บนโลกนี้ ซึ่งอยากย้อนกลับไปให้กับตัวเองจาก 15 ปีที่แล้ว:
1. หายใจเข้าลึกๆ และชกความสมบูรณ์เข้าหน้า ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ ความคาดหวังถึงความสมบูรณ์อยู่ที่ไหน ความผิดหวังอยู่ที่นั่น
2. เงินก็สำคัญกว่าที่คุณคิด แต่ความสำคัญนั้นมีจำกัด หลังจากนั้นก็เป็นเพียงแค่การเปรียบระหว่างแต่ละรถยนต์ของคนรวย ซึ่งไม่มีประโยชน์
3. คนส่วนมากไม่คิดให้ตัวเองจริงๆ ส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และกระแสในสังคม มากกว่าการใช้เหตุผล
4. การสอนผู้คนให้พัฒนาตัวเองนั้น มีประสิทธิภาพมากกว่าการพยายามทำให้พวกเขารู้สึกผิด
5. โลกไม่ได้แย่เท่ากับรูปภาพที่นักข่าวชอบวาด
6. การคิดแบบสโตอิก และการถอดออก มีคุณค่ามากมาย แต่ก็สามารถนำไปสู่ความสุดขั้วได้เช่นกัน พระเจ้าไม่ได้ถอดออกจากโลกนี้ แต่เข้ามารับสภาพเป็นมนุษย์ต่างหาก
7. เริ่มออกกำลังกายและดูแลสุขภาพกายอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งยากขึ้น
8. อายุเป็นเพียงตัวเลข มีคนอายุ 30 ปีที่ทำตัวเหมือนวัยชรา และคนอายุ 70 ที่ทำเหมือนวัยรุ่น
9. เราสามารถเรียนรู้ทักษะใดๆ ในโลกนี้ได้ด้วยการขับเคลื่อนที่เพียงพอและมีเวลาเพียงพอ
10. คนส่วนใหญ่มักจะแสร้งความสามารถและความเข้าใจตลอดทั้งชีวิต เพื่อที่จะไม่รู้สึกเสียหน้า
11. จงเข้าใจทฤษฎีเกี่ยวกับบุคลิกภาพอย่างดี (เช่น MBTI) แต่อย่าไปเชื่อว่ามันอธิบายถึงทุกอย่าง ผู้คนมีแนวโน้มก็ถูกแล้ว แต่ก็สามารถชนะมันได้เหมือนกัน
12. จงฟังมากกว่าที่พูด
13. จงใส่ใจ “วรรณกรรมสติปัญญา” ของพระคัมภีร์
14. เรื่องของปรัชญากับเรื่องของศาสนาศาสตร์หลายเรื่อง ก็เป็นความบันเทิงเชิงปัญญาแบบเก็งกำไร ซึ่งเหมาะสำหรับความบันเทิงก็ใช่ แต่อย่ากลายเป็นคนเคร่งในด้านที่พระคัมภีร์ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน หาจุดร่วมมากกว่า แม้ว่าในขณะที่แสดงความเห็นขัดแย้งก็ตาม
15. ในทำนองเดียวกัน ปรัชญาและศาสนาศาสตร์แบบที่พูดถึงในข้อล่าสุด อาจเป็นเรื่องสนุก แต่ก็ไม่ได้เกิดผลประโยชน์ตลอด
16. คำนึงถึงวิธีการใช้เวลาของตัวเอง เพราะเวลาผ่านไปเร็วกว่าที่เราคิด
17. อย่าติดอยู่ในการวิเคราะห์ จงมีแนวโน้มต่อการกระทำ
18. อย่าไปพยายามให้ทุกคนพอใจในตัวคุณ ยิ่งถ้าเขาเป็นคนไม่มีสติหรือคนที่ไม่มีวุฒิภาวะก็ตาม ต้องรู้สึกโอเคที่จะมีศัตรูแบบนี้ (ในกรณีที่เขาเกลียดชังเรา)
19. ในขณะเดียวกัน ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนเก่งมาก จนศัตรูเหล่านั้นจะย่อมชอบคุณ แม้เขาเกลียดคุณ
20. จงมั่นใจในความชัยชนะของความดี ความสวยงาม และสัจจะธรรม เหนือความชั่วในโลกนี้
21. จงใช้เวลาสักน้อยในแต่ละวัน ในการรำลึกถึงสิ่งที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งพระเจ้า
22. อุตสาหกรรมการศึกษาโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นการหลอกลวงโดยอิงจากลัทธิชนชั้นสูง ระวังความเย่อหยิ่งที่มักมาพร้อมกับปริญญาเอก
23. อุตสาหกรรมการแพทย์ก็ไม่ได้ดีกว่ามากนัก แพทย์ส่วนใหญ่ถูกสอนให้ทำตามคำแนะนำ ไม่ได้เป็นคนที่ชอบวิเคราะห์ จงหาหมอที่มีสติปัญญาที่แท้จริง และรับผิดชอบสุขภาพตัวเอง ไม่ให้หมอเป็นคนเดียว
24. ในทำนองเดียวกัน อย่ากินยาให้เข้าสู่ร่างกายของคุณอย่างไม่มีวิจารณญาณเพียงเพราะคนที่มีใบอนุญาตทางการแพทย์บอกให้กิน ร่างกายของคุณคือสวน อย่าใส่อะไรลงไปโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่สามารถเกิดขึ้น
25. จงเรียนรู้ภาษาใหม่ มันก็สร้างความยืดหยุ่นทางสมอง ช่วยในการเชื่อมโยงกับคนที่ไม่เหมือนเรา แล้วมันเปิดโลกให้กว้างขึ้น
26. การเสพติดไม่ใช่แค่การเสพติดเท่านั้น การเสพติดมีรากฐานมาจากความบอบช้ำทางจิตใจ
27. การเป็นพ่อแม่อาจเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดหรือประสบการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด และส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีสติปัญญามากแค่ไหนในฐานะพ่อแม่ จงศึกษาทักษะเลี้ยงลูก ใช้เวลาสนุกสนานกับครอบครัว แล้วอย่าเครียดเกินไป ถ้าทำตามสิ่งเหล่านี้ มันคงจะเป็นประสบการณ์ที่แสนพระพร
28. ความรู้สึกเชิงลบที่มาพร้อมกับสถานการณ์เลวร้าย คือสิ่งที่ทำร้ายเรามากกว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเอง เราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เราควบคุมอารมณ์ได้
29. คุณสามารถทำอะไรก็ได้จริงๆ แต่หากคุณใช้จุดแข็ง มันจะเกิดผลเป็นสองเท่า
30. จงรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับทุกอย่าง มันจะทำให้คุณสามารถสนทนากับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไหนก็ตาม
31. อย่าไปประทับใจใครจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็น คนดัง นักการเมือง หรือมหาเศรษฐีที่คุณชื่นชอบ เขาก็เป็นมนุษย์ที่เลื่อนดูโซเชียลมีเดียในห้องน้ำเหมือนกับเรา
32. โบนัส: พระเยซูทรงเป็นกษัตริย์องค์ยิ่งใหญ่ และเมื่อเรายอมมอบชีวิตให้กับพระองค์ เราจะอยู่ภายใต้พระพรของพระองค์นั้น ไม่ว่าจะเผชิญกับอะไรในชีวิต
Comments